6 วิธีเช็ครถยนต์ มั่นใจก่อนออกเดินทาง

ไม่ว่าจะเป็นช่วงเทศกาล ช่วงวันหยุดยาว หรือการใช้ชีวิตในวันปกติ เมื่อต้องเดินทางด้วยรถยนต์ ไม่ว่าใครก็อยากเดินทางด้วยความราบรื่นและปลอดภัย

โดยเฉพาะถ้าต้องเดินทางไกล คงไม่ดีแน่ถ้าต้องมาสะดุดกับปัญหารถเสียกลางทาง ถึงแม้ว่าคุณจะนำรถเข้าศูนย์เช็คระยะ เช็คเครื่องยนต์ อย่างสม่ำเสมอ

แต่ถ้าหากคุณต้องเดินทางไกลคุณก็สามารถทำการเช็คเครื่องยนต์เบื้องต้นด้วยตัวเองได้อีกครั้ง เพื่อตรวจสภาพรถยนต์ให้แน่ใจว่ารถของคุณพร้อมใช้งาน เพื่อความปลอดภัยก่อนออกเดินทาง ซึ่งการตรวจเช็คเครื่องยนต์เบื้องต้นด้วยตัวเอง สามารถทำได้ง่ายๆ ตามขั้นตอนในบทความด้านล่างนี้เลยครับ

1. แบตเตอรี่และทำความสะอาดขั้วต่อและขั้วแบตเตอรี่

กุญแจสำคัญที่ทำให้รถยนต์ของคุณทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพได้ก็คือการเชื่อมต่อแบตเตอรี่ที่ดี หากการเชื่อมต่อของแบตเตอรี่ไม่ดีก็จะทำให้การเผาไหม้ของเครื่องยนต์ตลอดจนถึงอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ภายในรถทำงานได้ไม่ราบรื่นไปด้วย ซึ่งเราสามารถสังเกตได้ง่ายๆ เมื่อต้องทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่

ซึ่งให้คุณสังเกตดูสิ่งสกปรกอย่างคราบขี้เกลือสีขาวบนขั้วแบตเตอรี่ ถ้าหากพบเห็นคาบสกปรก คุณสามารถขจัดคราบได้ด้วยการถอดขั้วแบตเตอรี่ออกโดยเริ่มจากสายไฟขั้วลบก่อน และทำความสะอาดทั้งขั้วต่อและขั้วแบตเตอรี่ด้วยน้ำยาทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่โดยเฉพาะ ใช้แปรงลวดขัดจนกว่าคราบกัดกร่อนจะหลุดไป

หลังจากนั้นก็ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดคราบต่างๆ ออกให้สะอาดก่อนที่จะใส่อุปกรณ์ต่างๆ กลับไปที่เดิม เราจะต้องใช้ผ้าแห้งเช็ดขั้วต่อและขั้วแบตเตอรี่ให้หายชื้นเสียก่อน หลังจากนั้นคุณก็สามารถประกอบกลับตามเดิมและขันขั้วต่อแบตเตอรี่ให้แน่น

2. ตรวจเช็คช่วงล่าง

ตรวจเช็คด้วยการลองขับบนถนนเรียบทางตรง โดยสังเกตพวงมาลัยว่าตรงหรือไม่ หากพวงมาลัยไม่ตรงก็จัดการนำรถไปตั้งศูนย์ใหม่ พวกชิ้นส่วนต่างๆของช่วงล่าง เช่นลูกหมาก หากขับทางขรุขระแล้วมีเสียงกุกกัก ก็รีบให้ช่างแก้ไขโดยด่วน โช้คก็เช่นกัน ตรวจเช็คคราบน้ำมันบริเวณแกนโช้ค ว่ารั่วหรือไม่ เพราะระบบช่วงล่างทั้งหมดมีผลต่อการทรงตัวขณะขับขี่

3.การเติมของเหลวในรถยนต์ที่จำเป็น

การตรวจสภาพรถยนต์ ที่สำคัญและง่ายที่สุดนั่นก็คือการตรวจสอบของเหลวทั้งหมดในรถยนต์ ซึ่งเรียกได้ว่า ของเหลวแทบจะมีบทบาทในเกือบทุกด้านของการใช้งานรถยนต์ รวมไปถึงการขับขี่ที่ประหยัดน้ำมัน และการยืดอายุการใช้งานให้นานยิ่งขึ้น การรักษาของเหลวในรถยนต์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจะช่วยให้เราสามารถใช้รถยนต์ได้นานยิ่งขึ้น ของเหลวที่ต้องตรวจสอบดังนี้

• น้ำมันเครื่อง
• น้ำมันเบรก
• น้ำมันเกียร์
• น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์
• น้ำฉีดกระจกหน้ารถ
• น้ำยาหล่อเย็น

ถังเก็บของเหลวต่างๆ จะมีขีดวัดระดับของเหลวตั้งแต่ต่ำสุด (Min) ไปถึงสูงสุด (Max) บางครั้งต้องเช็ดที่ขีดวัดระดับเล็กน้อย เพื่อให้เห็นขีดวัดระดับของเหลวที่ชัดเจน แต่ถ้ามองไม่ชัดหรืออ่านยาก แนะนำให้ใช้ไฟฉายส่องจากด้านตรงข้ามของถัง ก็จะช่วยให้เห็นชัดขึ้น แต่ถ้าหากคุณพบว่ามีบางอย่างผิดปกติและไม่แน่ใจ แนะนำให้ไปที่ร้านยางรถยนต์ เพื่อให้ช่างผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ทำการตรวจสอบให้เพื่อความถูกต้องและแม่นยำที่สุด

4. ยางรถยนต์

อีกหนึ่งข้อที่จะขาดไปไม่ได้ในการตรวจสภาพรถยนต์ก็คือ การตรวจสอบยางรถ หากไม่มีการตรวจสอบส่วนนี้โอกาสเกิดอุบัติเหตุก็จะสูงขึ้นเป็นอย่างมาก สิ่งที่ช่วยให้เรายังสามารถควบคุมรถยนต์ได้นั่นก็คือ ยางรถ ทั้ง 4 เส้นที่สัมผัสกับพื้นถนนนั่นเอง เมื่อตรวจสอบยาง ก็อย่าลืมเช็คความลึกร่องดอกยางและตรวจดูส่วนต่างๆว่ามีรอยสึกหรอหรือไม่

ถ้าหากพบร่องดอกยางมีความลึกไม่น้อยกว่า 3 มิลลิเมตรและควรเปลี่ยนยางใหม่เมื่อดอกยางหมดหรือร่องดอกยางมีความลึกน้อยกว่า 1.6 มิลลิเมตรและขณะตรวจสอบให้สังเกตว่ามีรอยเจาะ รอยแตกลายงา รอยนูนหรือยางบวมผิดปกติหรือไม่

ซึ่งวิธีการเช็คที่ดีที่สุดสำหรับขั้นตอนนี้ก็คือการใช้มือลูบอย่างระมัดระวังไปบนพื้นผิวของยาง เพื่อสัมผัสดูว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่หากคุณพบว่ามีบางอย่างผิดปกติและไม่แน่ใจ แนะนำให้ไปที่ร้านยางรถยนต์ เพื่อให้ช่างผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ทำการตรวจสอบยางให้คุณ พร้อมให้คำแนะนำในกรณีที่จะต้องได้รับการแก้ไข

5. เปลี่ยนแผ่นกรองอากาศ

แผ่นกรองอากาศเครื่องยนต์คือชิ้นส่วนสำคัญเดียวที่จะช่วยปกป้องเครื่องยนต์ของเราจากสิ่งไม่พึงประสงค์ต่างๆ ซึ่งแผ่นกรองอากาศที่อุดตันจะทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักมากกว่าปกติ ส่งผลให้ส่วนประกอบภายในเครื่องยนต์ต่างๆ สึกหรอ เนื่องจากสิ่งสกปรกที่เข้าไปอุดตันแผ่นกรองอากาศนั่นเอง การตรวจสอบแผ่นกรองอากาศใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น แค่เปิดตู้แอร์แล้วนำตัวกรองอากาศออกมาตรวจดู ดูดเศษสิ่งสกปรกภายในตู้ออกหรือเปลี่ยนแผ่นกรองอากาศใหม่แทนหากจำเป็น

นอกจากนี้ ให้ตรวจดูแผ่นกรองแอร์ภายในห้องโดยสารด้วยว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนหรือไม่ ซึ่งมันจะช่วยปกป้องคุณ โดยดักกรองสิ่งสกปรกต่างๆ ที่อยู่ในอากาศภายนอกรถ เช่น เขม่าและควันเสีย ก่อนที่อากาศจะไหลผ่านเข้ามาในห้องโดยสาร โดยทั่วไปมักจะพบแผ่นกรองแอร์ภายในห้องโดยสารอยู่หลังช่องเก็บของหน้ารถ ทำได้ไม่ยากเลย แค่เปิดช่องเก็บของออกมา และเลื่อนแผ่นกรองแอร์เดิมออกแล้วเปลี่ยนแผ่นใหม่

6. การเปลี่ยนใบปัดน้ำฝน

หากคุณพบว่า ใบปัดน้ำฝนของคุณไม่สามารถกวาดน้ำบนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนเมื่อก่อน หรือทิ้งคราบน้ำไว้บนกระจกรถของคุณ กรณีนี้คุณอาจจะต้องใช้ใบปัดน้ำฝนอันใหม่แล้วล่ะ การใช้ใบปัดน้ำฝนที่ชำรุดหรือเสื่อมสภาพเป็นอันตรายต่อการขับรถยนต์ในฤดูฝนเป็นอย่างมาก ซึ่งการติดตั้งใบปัดน้ำฝนนั้นมีความแตกต่างกันไปในรถยนต์แต่ละรุ่น ดังนั้นคุณจะต้องทำตามขั้นตอนตามคู่มือรถยนต์ของคุณเอง

อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนโดยทั่วไปสามารถทำได้โดยยกใบปัดน้ำฝนขึ้นออกจากผิวกระจกรถยนต์ก่อน จากนั้นกดแถบล็อกเพื่อเอาใบปัดน้ำฝนอันเก่าออกจากก้านปัดน้ำฝน ส่วนการใส่ใบปัดน้ำฝนอันใหม่ ก็แค่กดแถบล็อกด้านข้างแล้วใส่ใบปัดอันใหม่แทนที่เดิม

เห็นไหมล่ะครับว่าแค่นี่เราก็สามารถตรวจเช็คเครื่องยนต์ ง่ายๆได้ด้วยตัวเองแล้วครับ และการที่เรารู้วิธีตรวจเช็คเบื้องต้นนั้น จะช่วยให้เราสามารถแก้ไขบางอาการได้เองโดยไม่ต้องนำรถเข้าศูนย์หรือเข้าอู่ และหากมีอาการที่น่าสงสัยก็จะได้ส่งซ่อมได้ทัน ฉะนั้น ควรหมั่นตรวจเช็คสภาพรถยนต์ของเราก่อนออกเดินทางกันบ่อยๆนะครับ

รู้เรื่องรถ

Visitors: 66,748