การดูแลรถยนต์ ที่ไม่ได้ใช้งานบ่อยๆ

ปัจจุบันนี้ เชื่อว่าหลายๆคนมักจะมีรถยนต์ติดบ้านไว้ใช้งานกันเป็นส่วนใหญ่อยู่แล้ว บางคนก็อาจจะมีมากกว่าหนึ่งคันบางคันก็แทบจะไม่ได้ใช้งานเลย หรือบางคนมีรถคันเดียวก็ยังไม่ค่อยเวลาขับ เนื่องจากบางคนอาจทำงานใกล้บ้านเลยไม่ค่อยได้ใช้งานรถยนต์เท่าไหร่นัก

อาจจะซื้อมาไว้ใช้ตอนไปเที่ยววันหยุด วันพักผ่อน หรือไปต่างจังหวัดกับครอบครัว ซึ่งการที่คุณมีรถยนต์แต่ไม่ค่อยได้ใช้งานนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่ารถยนต์ของคุณจะคงสภาพได้ดีกว่ารถยนต์ที่มีการใช้งานทุกวันนะครับ

เพราะรถยนต์ที่จอดอยู่เฉยๆ ก็เหมือนกับการรอเวลาให้สภาพเครื่องยนต์มันเสื่อมและชำรุดไปตามกาลเวลานั่นแหละครับ ฉะนั้น คุณจำเป็นต้องรู้วิธีการดูแลรถยนต์ ที่ไม่ได้ใช้งานบ่อยๆ เพื่อไม่ให้รถยนต์เกิดความเสียหายจากการจอดไว้นาน ซึ่งจะมีวิธีการดูแลรถยนต์ด้วยตัวเองอย่างไรบ้างนั้นไปดูกันครับ

ข้อควรปฏิบัติ สำหรับรถยนต์ที่ไม่ได้ใช้งานบ่อยๆ

1. ล้างรถให้สะอาด
อย่างน้อยเดือนละครั้งเพื่อไม่ให้ฝุ่นและสิ่งสกปรกเกาะอยู่ที่สีรถนานเกินไปจนยากที่จะล้างออก ดูดฝุ่นภายในรถและถอดซักพรมปูพื้นได้ด้วยยิ่งดี ควรมีการทำความสะอาดหรือล้างรถก่อน จึงค่อยใช้ผ้าคลุมรถ เพื่อป้องกันฝุ่น และรักษาสีของรถยนต์ ให้ดูเหมือนใหม่อยู่เสมอ

2. จอดรถในที่ปลอดภัย
ควรจอดไว้ในที่ร่ม กันแดดกันฝนได้ และหาผ้าคลุมรถไว้ หลีกเลี่ยงการจอดรถใต้ต้นไม้ สถานที่เปียกชื้น ใกล้ถังขยะ เพราะอาจมีโอกาสที่หนูเข้ามาอาศัยหรือทำรังใต้กระโปรงรถได้ หากจอดรถใต้ต้นไม้จะต้องระวัง หากไม่ได้มีการคลุมรถ เนื่องจากต้นไม้จะมียางของต้นไม้ที่หล่นลงมา ทำให้สีรถด่างได้ รวมถึงกิ่งไม้ที่ตกลงมาตามแรงลมอาจทำให้รถของเราเกิดรอยขีดข่วนได้

เติมลมยาง

3. เติมลมยางให้แข็งกว่าปกติ
การจอดรถไว้นานๆ น้ำหนักที่กดทับอาจทำให้ยางเสียรูป แนะนำให้เติมลมยางมากกว่าปกติประมาณ 5 – 10 ปอนด์/ตารางนิ้ว เพราะการจอดรถอยู่กับที่นานๆ จะทำให้เกิดอาการยางไม่คืนตัว โดยเกิดการยุบตัวของโครงยางส่วนหน้าที่สัมผัสกับพื้นได้ ทำให้โครงยางเสียรูป ไม่กลม วิธีที่ดีที่สุด หากจำเป็นต้องจอดรถทิ้งไว้นานเกินกว่า 3 เดือนขึ้นไป คือ ให้ยกรถตั้งบนแท่นวางทั้ง 4 ล้อ ซึ่งทำให้น้ำหนักรถไม่กดทับลงบนยาง ซึ่งเป็นการรักษารูปร่างของยางได้ดีที่สุด

4. ดูแลรักษาหัวเทียนให้ดี
หากคุณพอมีความรู้ในส่วนนี้ แนะนำว่าให้ถอดหัวเทียนออกแล้วฉีดน้ำมันเล็กน้อยลงในซ็อกเก็ตปลั๊กก่อนที่จะนำปลั๊กกลับมาอีกครั้ง การทำแบบนี้จะช่วยป้องกันการเกิดสนิมภายในฝาสูบ และช่วยป้องกันความชื้นได้

5. เช็คระดับของเหลวในเครื่องยนต์อยู่เสมอ
เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำในหม้อน้ำ เพื่อหล่อเลี้ยงชิ้นส่วนต่างๆ ไม่ให้เกิดสนิม

6.ไม่ควรดึงเบรกมือทิ้งไว้
การดึงเบรกมือทิ้งไว้เป็นเวลานานเกินไปอาจจะทำให้ผ้าเบรกไปติดกับจานเบรก ฉะนั้นหากจะจอดรถทิ้งไว้นานจริงๆ และที่จอดเป็นพื้นที่ลาดเอียง ควรจะหาก้อนอิฐหรือหินมาขัดล้อรถเอาไว้ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

7. สตาร์ทเครื่องอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์
สตาร์ททิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที หรือจะขับออกไปบริเวณใกล้ๆบ้านก็ได้ เพื่อให้ทุกระบบได้ทำงานตามปกติ รวมถึงให้น้ำมันที่ค้างอยู่เกิดการหมุนเวียนและเผาไหม้ไป น้ำมันใหม่จะได้เข้ามาแทนที่ ป้องกันการเสื่อมสภาพของน้ำมันได้

สิ่งที่จำเป็นต้องเช็ค ก่อนนำรถยนต์กลับมาใช้งาน

1. แบตเตอรี่
หากสตาร์ทติดได้ดี หรือสตาร์ททีเดียวติดก็แสดงว่าแบตเตอรี่ยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์ แต่ถ้าเป็นรถเก่าหรือมีปัญหาไฟรั่วอาจจะมีปัญหาสตาร์ทไม่ติด อาจต้องเข็นสตาร์ทหรือพ่วงแบตสตาร์ท

2. ระดับของเหลว
ก่อนใช้รถควรเปิดฝากระโปรงเพื่อตรวจเช็คน้ำในหม้อน้ำ ระดับน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก ว่าอยู่ในระดับปกติ มีการรั่วซึมหรือไม่ ถ้ามีรอยรั่วซึมควรเข้าศูนย์ไปตรวจเช็ค

3. ยางรถยนต์
ลมยางที่เพิ่มไว้อาจมีพร่องลงไปบ้างเล็กน้อย ปกติยางถ้าไม่ได้ใช้เฉลี่ยเดือนนึงอาจลดลงราว 1-2 ปอนด์

4. ระบบไฟ
ทดลองเปิดไฟหน้า ไฟเลี้ยว ไฟเบรกทำงานปกติไหม

5. ยางปัดน้ำฝน
ความร้อนที่สะสมอาจทำให้ยางเสื่อมสภาพหรือเสียรูปทรง ฉะนั้น หากพบว่าใบปัดเสื่อมสภาพ แตกร้าว กวาดน้ำได้ไม่เกลี้ยงเหมือนเดิม ก็คงต้องเปลี่ยนใหม่สถานเดียว

ดูแลรถ

ประโยชน์ของการบำรุงรักษารถยนต์เป็นประจำ

รถยนต์หนึ่งคันประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนนับหมื่นชิ้นซึ่งผลิตขึ้นจากวัสดุที่แตกต่าง หลังจากที่รถยนต์มีการใช้งานไปเรื่อยๆตามสภาพการทำงานที่แตกต่างกัน ชิ้นส่วนทุกชิ้นจะเกิดการสึกหรอหรือชำรุดตามระยะทางและระยะเวลาใช้งานที่เพิ่มขึ้น หรือแม้แต่รถยนต์ที่จอดไว้ไม่ค่อยได้ใช้งานก็ตาม

ชิ้นส่วนต่างๆก็เกิดการสึกหรอได้เช่นกัน หากยังใช้ชิ้นส่วนเหล่านั้นต่อไปโดยไม่มีการบำรุงรักษา ชิ้นส่วนเหล่านั้นอาจทำงานเกินอายุใช้งานและลดสมรรถนะของรถยนต์ลงไปเรื่อยๆ ปัญหาจะถูกขยายไปยังชิ้นส่วนอื่นๆ ทีละน้อย และสามารถก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้น การดูแลบำรุงรักษารถยนต์เป็นประจำ จึงมีความสำคัญมากต่อการขับขี่อย่างปลอดภัย

อายุการใช้งานของรถยนต์ขึ้นอยู่กับการบำรุงรักษา 70% และอีก 30% ขึ้นอยู่กับการซ่อมแซม การบำรุงรักษาเป็นประจำจะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ได้มากกว่า เพราะค่าซ่อมแซมเมื่อรถเสียนั้นจะสูงกว่าค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาหลายเท่าตัว ยิ่งถ้าต้องซ่อมแซมรถครั้งใหญ่แล้วยากที่จะฟื้นฟูสมรรถนะรถให้เหมือนเดิม

การที่เราจอดรถไว้นานๆ หรือไม่ได้ใช้งานบ่อยๆ โดยที่เราไม่ได้ดูแลรักษา หรือสตาร์ทเครื่องยนต์เลย นั่นจะทำให้เกิดปัญหามากมายตามมา ทั้งเรื่องของสภาพรถยนต์ที่เหมือนเก่าและเครื่องยนต์ที่ไม่พร้อมใช้งาน และยิ่งถ้านำกลับมาใช้อีกครั้งโดยที่ไม่ได้ตรวจเช็คสภาพรถยนต์เลยนั้น อาจจะนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุได้ ฉะนั้น หากจำเป็นต้องจอดรถยนต์ไว้นาน หรือไม่ใช้งานบ่อยๆ ก็ควรที่จะดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอนะครับ

Visitors: 78,286