หม้อน้ำรั่ว เกิดจากอะไร แก้ไขอย่างไรบ้าง ?

แน่นอนว่าสำหรับผู้ใช้รถหลายๆคน ที่ขับขี่รถยนต์ ปัญหาจุกจิกเรื่องเครื่องยนต์สามารถเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องปกติ ไม่เว้นแม้แต่ปัญหา หม้อน้ำรั่ว ที่จริงๆแล้วนานๆจะเกิดขึ้นสักครั้ง แต่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรถยนต์ที่ใช้งานมานานหลายปี ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อย แต่ถ้าหากเกิดขึ้นในจังหวะที่เราต้องเดินทางไปไหนมาไหนบอกว่าไม่ดีแน่ครับ

เพราะผู้ใช้รถบางคนหากไม่รู้จักสังเกตหรือรู้ตัวช้า อาจเกิดปัญหาหม้อน้ำรั่ว จนรถยนต์ที่ใช้อาจจะสตาร์ทไม่ติด หรือถึงขั้นดับกลางทางได้เลย และที่หนักไปกว่านั้นคืออาจทำให้เครื่องยนต์ร้อนจัดจนเกิดควันและกลายเป็นเพลิงลุกไหม้รถยนต์ได้ หากไม่ได้แก้ปัญหาตั้งแต่แรก

ซึ่งโดยปกติแล้วระบบของรถยนต์มักจะมีสัญญาณเตือนก่อนถึงจุดวิกฤตเสมอ ดังนั้น ผู้ใช้รถควรต้องรู้ว่า หม้อน้ำรั่วอาการเป็นแบบไหน ดูยังไง หม้อน้ำรั่วเกิดจากอะไร แก้ไขอย่างไรได้บ้าง ซึ่งหากเราตกอยู่ในสถานการณ์นี้ควรทำอย่างไร บทความนี้เรามีคำแนะนำดีๆมาฝากครับ

หม้อน้ำในรถยนต์ คือ ส่วนประกอบสำคัญของระบบหล่อเย็นที่คอยทำหน้าที่ดึงความร้อนภายในเครื่องยนต์ที่เกิดจากการเผาไหม้ออกมา โดยอาศัยการไหลเวียนของของเหลวไหลวนเป็นระบบปิด ซึ่งหน้าตาหม้อน้ำรถยนต์จะเป็นทรงสี่เหลี่ยม มีแผงครีบระบายความร้อน ด้านในเป็นท่อโลหะขดวนไปมา เพื่อให้ลมจากพัดลมหน้าหม้อน้ำและกระแสลมขณะรถวิ่งช่วยระบายความร้อน

หม้อน้ำรั่วเกิดจากอะไร ?

หม้อน้ำรั่วอาจเกิดจากการสึกกร่อนของตัวหม้อน้ำที่ใช้มาเป็นเวลานาน หรือถูกวัตถุอื่นมากระแทกทำให้รั่วได้ นอกจากนี้ การเติมน้ำในหม้อน้ำมากเกินไป การปล่อยให้น้ำในหม้อน้ำอยู่ในระดับต่ำจนเกิดความร้อนสูง ตลอดจนเทอร์โมสตัทที่เสื่อมสภาพ อาจทำให้เกิดความร้อนและแรงดันในหม้อน้ำสูงเกินไป ซึ่งส่งผลให้หม้อน้ำมีอายุสั้นลงจนเกิดการรั่วซึมได้เช่นกัน

หม้อน้ำรั่ว อาการเป็นอย่างไร ?

  • น้ำในหม้อลดลง ต้องเติมน้ำบ่อยกว่าปกติ
  • พบคราบน้ำหล่อเย็นที่ไหลอยู่ตามพื้น
  • ไฟแจ้งเตือนแสดงขึ้นที่หน้าปัด
  • รถยนต์สตาร์ตไม่ติด หรือดับกลางทาง

วิธีดูว่าหม้อน้ำนั้นรั่วหรือไม่ ลองเปิดฝาหม้อน้ำ ในขณะเครื่องยนต์เย็น เติมน้ำทีละน้อย ทิ้งช่วงห่างกัน 5 นาที คอยสังเกตระดับน้ำที่เติม ถ้าเติมแล้วลด เติมไปไม่เต็มซักที แสดงว่าหม้อน้ำมีรอยรั่ว ให้รีบจัดการเปลี่ยนหม้อน้ำใบนั้นโดยทันที

วิธีสังเกตอาการหม้อน้ำรั่ว

  1. สังเกตหม้อน้ำโดยรอบ ว่ามีคราบตะกรันหรือคราบน้ำไหลออกมาจากหม้อน้ำตรงจุดไหนหรือเปล่า ซึ่งถ้าเป็นน้ำยาหล่อเย็นที่มีสีสะท้อนแสง จะสามารถมองหาจุดที่หม้อน้ำรั่วได้ง่าย
  2. สังเกตใต้พื้นรถ ตรงตำแหน่งหม้อน้ำ ว่ามีน้ำหยดหรือไม่
  3. ลองเติมน้ำหล่อเย็นในหม้อน้ำให้เต็ม รวมถึงเติมในกระปุกหม้อพักน้ำให้อยู่ในระดับ MAX จอดทิ้งไว้ข้ามคืน แล้วมาดูอีกทีว่าระดับน้ำยังอยู่เท่าเดิมหรือว่าลดลง
  4. น้ำอาจไม่ได้รั่วจากหม้อน้ำเสมอไป เช่น รั่วที่ท่องยาง ฝาหม้อน้ำ หางปลาหม้อน้ำขันไม่แน่น เป็นต้น จุดเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ก็ต้องเช็คจะได้รู้สาเหตุที่แท้จริง

วิธีแก้ปัญหา หมอน้ำรั่ว แบบฉุกเฉิน

  1. หากพบว่าหม้อน้ำรั่ว ให้ขับรถจอดที่ข้างทางที่ปลอดภัยและไม่กีดขวางทางจราจร
  2. ลองมองหาดินเหนียวจากรอบตัว เพื่อนำมาอุดรอยรั่วแบบชั่วคราว
  3. ใช้สบู่ก้อนอุดรอยรั่วแทนวัสดุอื่น โดยนำสบู่ไปละลายน้ำให้อ่อนตัวลงเล็กน้อย จากนั้นจึงปั้นให้ขนาดพอเหมาะแล้วอุดที่รูรั่ว
  4. ใช้ดินน้ำมันอุดรอยรั่วให้แน่นหนาจนน้ำไม่หยดหรือไม่รั่วซึม
  5. เมื่ออุดรอยรั่วแบบฉุกเฉินแล้ว ให้นำรถเข้าอู่ซ่อมที่ใกล้ที่สุดทันทีเพื่อป้องกันรถเสีย

วิธีดูแลรักษาและป้องกันหม้อน้ำรั่ว

  1. หมั่นตรวจสอบสภาพของอุปกรณ์ประจำรถให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน หากพบรอยรั่วตามจุดต่างๆ เช่น ท่อยางหม้อน้ำ ครีบรังผึ้งหม้อน้ำ ปั้มน้ำ ให้รีบแก้ไขโดยด่วน อย่าปล่อยไว้ เตรียมน้ำเปล่าใส่ขวดไว้ในรถ เป็นขวดน้ำขนาด 1.5 ลิตรทั่วไปก็ได้ สักขวดสองขวดไว้ในรถ หากเกิดเหตุการณ์หม้อน้ำรั่วจนทำให้หม้อน้ำแห้งจะได้มีน้ำไว้เติมใส่หม้อน้ำได้
  2. หมั่นคอยตรวจสอบระดับน้ำในหม้อน้ำอยู่เสมอ รถใหม่อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ส่วนรถที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปีขึ้นไป ควรตรวจสอบ 2 - 3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยให้เติมน้ำสะอาดและถ่ายน้ำในหม้อน้ำทิ้งทุก 4 - 6 เดือน เพื่อป้องกันสิ่งสกปกรกตกค้างจนหม้อน้ำเกิดการอุดตัน และไม่สามารถระบายความร้อนจากเครื่องยนต์ ไม่เติมน้ำเกินขีดที่กำหนด เพราะเมื่อน้ำเดือด หม้อน้ำจะเกิดการขยายตัว ทำให้หม้อน้ำแตกได้ และในกรณีที่เป็นหม้อน้ำทองแดง อย่าลืมเติมน้ำยาเคลือบกันสนิมลงไปด้วย เพื่อเพิ่มอายุการใช้งานของหม้อน้ำ
  3. ขณะขับขี่หมั่นสังเกตที่หน้าปัดว่า ความร้อนอยู่ในระดับปกติหรือไม่ หากเข็มวัดเลื่อนมาอยู่ใกล้ตัว H แสดงว่า เครื่องยนต์กำลังร้อนจัด ให้รีบนำรถจอดเข้าข้างทางในบริเวณที่ปลอดภัยทันที แล้วเปิดฝากระโปรงหน้าไว้ เพื่อช่วยระบายความร้อนออกจากห้องเครื่องได้เร็วขึ้น ก่อนดำเนินการแก้ไขต่อไป

อย่างไรก็ตาม หากเกิดปัญหาหม้อน้ำรั่วหรือปัญหาผิดปกติต่างๆในระหว่างขับขี่ อย่าลืมว่าผู้ใช้รถต้องตั้งสติเป็นอันดับแรก เลือกจอดในที่ปลอดภัย ตรวจสอบหาสาเหตุและแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า จากนั้นก็ต้องรีบนำรถเข้าอู่หรือศูนย์บริการที่ใกล้ที่สุดเพื่อให้ช่างผู้มีความชำนาญตรวจเช็คหม้อน้ำทันที เพราะหากพยายามฝืนขับรถต่อไป

ความเสียหายที่เกิดขึ้นจะยิ่งบานปลาย ซึ่งส่งผลร้ายโดยตรงต่อเครื่องยนต์แน่นอนครับ ดังนั้น ผู้ใช้รถต้องหมั่นตรวจสภาพหม้อน้ำของรถด้วยตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันปัญหาระหว่างทางและเพื่อให้รถของคุณสามารถใช้งานได้อย่างราบรื่น

รู้เรื่องรถ

Visitors: 64,563