การเลือกยาง เพื่อใช้งาน

การเลือกใช้ยางสำหรับผู้ที่ใช้รถยนต์นั้น ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ควรใส่ใจเป็นเรื่องแรกๆ เพราะยางเป็นส่วนประกอบที่สำคัญอย่างมากสำหรับรถยนต์หนึ่งคัน ซึ่งมีอายุการใช้งานจำกัด จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนยางรถอยู่เสมอ และในการเปลี่ยนยางแต่ละครั้ง ก็จะมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายที่ทำให้เจ้าของรถนั้นกระเป๋าเบาอยู่เหมือนกันครับ

ผู้ใช้รถจึงจำเป็นต้องรู้จักการเลือกยาง เพื่อใช้งาน เลือกยางที่เหมาะสม มีคุณภาพ และคุ้มค่าต่อการใช้งานให้มากที่สุด ไม่ใช่เพียงแค่ในเรื่องของสมรรถนะเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความปลอดภัยในการขับขี่บนท้องถนนอีกด้วย สำหรับผู้ใช้รถที่กำลังวางแผนจะเปลี่ยนยางใหม่และอยากรู้ว่าต้องเลือกยางอย่างไร หรือต้องดูจากปัจจัยอะไรบ้างนั้น เราไปดูได้จากบทความนี้เลยครับ

ประเภทของยางรถยนต์

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับยางรถยนต์กันก่อนครับ ซึ่งนอกจากมีที่หลักๆ ในการรับน้ำหนักรถและน้ำหนักบรรทุก ช่วยลดแรงกระแทกและการสั่นสะเทือนจากพื้นถนน ช่วยในการเปลี่ยนทิศทางการขับขี่ และเป็นตัวกลางในการขับเคลื่อนและหยุดรถแล้ว ยางรถยนต์จะมีการแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ซึ่งได้แก่ ยางประเภท Highway Terrain All Terrain และ Mud Terrain ผู้ใช้รถจะต้องรู้ว่ามีสไตล์การขับขี่แบบไหน จึงจะสามารถเลือกใช้ยางได้อย่างเหมาะสม

1. HT – Highway Terrain
เป็นยางรถยนต์ประเภทที่นิยมใช้มากที่สุด และยังเป็นยางมาตรฐานสำหรับรถยนต์ใหม่อีกด้วย โดยยางรถยนต์ประเภทนี้ จะเน้นใช้งานบนถนนทั่วไป สามรถช่วยในเรื่องความเร็วได้ ดอกยางของยางรถยนต์แบบนี้จะมีดอกขนาดเล็ก เรียบ และละเอียด เน้นให้ตัวดอกยางสัมผัสกับพื้นถนนให้ได้มากที่สุด มีโครงสร้างของยางไม่ซับซ้อน ตัวยางนุ่มกว่าแบบอื่น

เวลาใช้งานจึงมีความนุ่ม เงียบ ใช้ความเร็วสูงได้ ใช้กำลังเครื่องในการหมุนล้อน้อยกว่าประเภทอื่น ทำให้ใช้เชื้อเพลิงน้อยลงตามไปด้วย แต่ยางประเภทนี้ไม่สามารถรองรับน้ำหนักในการบรรทุกได้มากนัก จึงนิยมใช้ในรถยนต์ทั่วไป หรือรถกระบะที่ใช้งานแบบอเนกประสงค์

และเหมาะกับรถที่ใช้งานบนถนนเรียบทั่วไป แต่ยางประเภทนี้ก็ยังสามารถใช้บนเส้นทางขรุขระได้เล็กน้อย หากใครที่มีรถยนต์ที่ใช้ขับรถไปมาเพื่อการทำงานในแต่ละวันและเป็นรถครอบครัวที่ไม่ได้ใช้งานหนักก็สามารถเลือกใช้ยางรถยนต์ประเภทนี้ได้

ประเภทของยางรถยนต์

2. AT – All Terrain
เป็นยางที่นิยมใช้บนรถกระบะแบบ 4×4 โดยตัวดอกยางจะเป็นดอกที่มีขนาดใหญ่และหนาขึ้นกว่าแบบ HT เล็กน้อย ตัวร่องยางจะมีความห่างจากกันเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เน้นให้ดอกยางมีการสัมผัสกับพื้นถนนได้มาก ซึ่งยางประเภทนี้ยังสามารถใช้งานได้ดีทั้งบนถนนทั่วไปและสามารถใช้ลุยได้ระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น ถนนหลุมบ่อ, บ่อเลน, ทางดินธรรมชาติ เป็นต้น

ซึ่งถ้าถามว่าใครที่เหมาะกับการใช้ยางประเภทนี้ ก็น่าจะเหมาะกับคนที่มีการขับรถในชีวิตประจำวันแบบ ทั่วไปบ้างหรือในบางวันอาจจะออกไปลุยบ้าง โดยเฉพาะเส้นทางนอกเมือง ต่างจังหวัดที่มีถนนขรุขระ แต่ก็ไม่ถึงกับต้องขับรถลุยทุกวัน ซึ่งยาง AT นั้นเมื่อใช้บนถนนทางเรียบจะมีเสียงดังมากกว่าแบบ HT อีกทั้งยางประเภทนี้ยังมีน้ำหนักมากกว่าจึงทำให้มีการใช้เชื้อเพลิงมากขึ้นตามไปด้วย

ซึ่งจุดเด่นของยางประเภทนี้ก็คือ ดอกยางที่สามารถตะกุยตัวดินได้มากกว่าและสะบัดดินออกจากตัวยางได้ดีกว่าแบบ HT โดยยางแบบนี้มีติดมาเป็นมาตรฐานในรถบางรุ่นเท่านั้น อย่างเช่นใน Ford Ranger Raptor เป็นต้น ทำให้ยางประเภทนี้นั้นเหมาะกับรถกระบะเป็นส่วนใหญ่และคนที่อาจจะต้องขับรถออกต่างจังหวัดบ่อยๆ ด้วย เนื่องจากยางประเภทนี้จะมีการยึดเกาะถนนได้ดีกว่า แต่ก็เสียงดังกว่าเช่นกัน

3. MT – Mud Terrain
ยางประเภทนี้เป็นยางรถยนต์สำหรับขาลุยโดยเฉพาะ เน้นสายออฟโรดเป็นพิเศษ โดยจะเน้นโครงสร้างยางที่แข็งแรงเพื่อให้รองรับกับการใช้งานหนักๆ ได้ จุดเด่นของยางจะมีดอกยางที่หนา ใหญ่ ตัวร่องยางลึก และห่างกันมากที่สุด เพื่อนเน้นเอาไว้ใช้งานสำหรับการตะกุยดินและสลัดดินออกจากตัวยางโดยเฉพาะ สามารถนำเข้าไปลุยได้กับเส้นทางทุรกันดารได้ เช่นทางโคลน ถนนในป่า เป็นต้น

ซึ่งยางประเภทนี้ก็ไม่เหมาะกับการใช้บนถนนทั่วไป เพราะเนื่องจากเมื่อวิ่งบนทางเรียบแล้วจะทำให้เกิดเสียงดังมาก อีกทั้งยังทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากกว่าแบบอื่นด้วย ที่สำคัญยังไม่เกาะถนนหากขับรถด้วยความเร็ว เนื่องจากตัวดอกยางไม่ได้ลักษณะที่ถูกออกแบบให้มีพื้นสัมผัสบนถนนที่มากพอ และยางประเภทนี้ก็ยังมีราคาที่สูงจึงทำให้ไม่เหมาะกับการใช้งานกับรถยนต์ทั่วไป

ขนาดยาง

เลือกขนาดของยางที่เหมาะสม

เลือกใช้ยางที่มีขนาดเดียวกับยางมาตรฐานที่ติดตั้งมากับรถจากโรงงาน และควรเลือกยี่ห้อ รุ่น ขนาดยาง ให้เหมือนกันทั้ง 4 เส้น ซึ่งควรเปลี่ยนพร้อมกันทั้ง 4 เส้น มากกว่าเปลี่ยนทีละคู่ จะทำให้ได้ประสิทธิภาพในการควบคุมรถที่ดีกว่า แต่ถ้าหากจะเปลี่ยนขนาด ก็ควรให้เส้นรอบวงใกล้เคียงกับล้อมาตรฐานมากที่สุด

ความกว้างของล้อ (Rim Width) : มีหน่วยเป็นนิ้ว เราต้องรู้ก่อนว่าล้อเราขนาดกว้างเท่าไร ถ้าเป็นล้อเดิมติดรถ ก็ไม่ต้องกังวล ใส่ยางขนาดมาตรฐานตามเดิมดีแล้ว แต่สำหรับคนที่เปลี่ยนล้อจะต้องรู้ เพราะส่วนใหญ่ก็จะเปลี่ยนล้อหน้ากว้างขึ้น เพื่อใส่ยางหน้ากว้างขึ้น ตอนถอดล้อก็ดูที่ด้านหลังล้อ จะมีบอกขนาด เช่น 0 x 15 นิ้ว อันนี้คือ กว้าง 7 นิ้ว เส้นผ่าศูนย์กลาง 15 นิ้ว แต่ถ้าวัดแบบไม่ถอดล้อ ต้องเข้าร้านยางมาตรฐาน จะมีเครื่องมือวัดโดยเฉพาะ เมื่อคุณรู้แล้ว ก็สามารถเลือกหน้ากว้างของยางที่เหมาะสมได้แล้ว

ความกว้างของยางที่เหมาะสม (Ideal Tire Width) : จะมีบอกเป็นหน่วยมิลลิเมตร เราก็ดูที่ขนาดยางได้เลย ยกตัวอย่าง คุณใช้ล้อกว้าง 7 นิ้ว หน้ากว้างของยางที่เหมาะสม คือ 205 ถึง 215 มม. ถึงจะได้ใช้สมรรถนะของยางสูงสุด ดูสวยงาม ขับขี่ก็ดีกว่าใส่ล้อกับยางที่ผิดขนาด

เลือกยางที่เหมาะสมกับการใช้งาน

กรณีใช้งานรถยนต์บนถนนเรียบ ควรเลือกยางที่มีดอกยางละเอียด ร่องยางแคบและถี่ เพื่อจะได้มีผิวหน้ายางสัมผัสถนนมากที่สุด คอยช่วยยึดเกาะถนน และมีประสิทธิภาพในการรีดน้ำมากขึ้น หากใช้งานบนถนนขรุขระหรือลุยโคลนเป็นประจำ ควรเลือกยางที่มีดอกยางขนาดใหญ่และร่องห่าง อย่างยางออฟโรด เพื่อช่วยสกัดโคลน หิน และไม่ทำให้ติดตามร่องยาง

เช็คสภาพและอายุของยางรถยนต์

ก่อนซื้อควรเช็คดูสัปดาห์กับปีผลิตบนแก้มยาง โดยจะระบุเป็น เลข 4 หลักอยู่ด้านใน 2 หลักแรก บอกสัปดาห์ที่ผลิตในปีนั้น เลข 2 หลักถัดมา บอกปี ค.ศ. ที่ผลิต ส่วนใหญ่ยางรถยนต์มีอายุการใช้งาน 5 ปี เมื่อครบก็ควรเปลี่ยนได้เลย และถ้าหากซื้อยางมือสองหรือยางเก่าเก็บที่มีราคาถูกกว่าปกติ ควรตรวจสอบสภาพของยางก่อนตัดสินใจซื้อด้วย ไม่ว่าจะเป็นสภาพของเนื้อยางที่ไม่แตกลายมากนัก รวมทั้งไม่มีรอยต่อของเนื้อยาง เป็นต้น

ปัจจุบันนี้ มีผู้ใช้รถหลายคนอาจจะไม่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับยางรถมากนัก เราจึงได้รวบรวมคำแนะนำในการเลือกซื้อยางรถยนต์เพื่อการใช้งานที่ใช้ได้จริง ซึ่งคุณจะได้ศึกษาข้อมูล และนำไปประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อได้อย่างมั่นใจ และที่สำคัญผู้ใช้รถควรหมั่นตรวจสอบลมยางเป็นประจำ และไม่ควรปล่อยให้ลมยางอ่อนกว่ามาตรฐาน เพราะจะทำให้เกิดความร้อนสูงมากและขยายตัวจนเป็นอันตรายได้ครับ

Visitors: 64,643