5 ข้อควรรู้ในการซ่อมบำรุง

ในปัจจุบันนี้ที่ปริมานการซื้อรถยนต์มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าจะมีหลายคนที่มีโอกาสเป็นเจ้าของรถยนต์ได้ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ใช้รถแบบระมัดระวังและคำนึงถึงการดูแลรักษารถยนต์อย่างถูกต้อง บางคนแทบจะไม่มีความรู้เรื่องพื้นฐานการซ่อมรถเลย

เพราะถือว่าในยุคนี้ถ้ารถเสียก็แค่หยิบมือถือขึ้นมาเสิร์จหาอู่ซ่อมรถ ใกล้ฉัน หรือบริการ ซ่อมรถนอกสถานที่ ก็แก้ปัญหารถเสียได้แล้ว มีแค่คนบางกลุ่มเท่านั้นที่จะดูแลรักษารถและหมั่นตรวจเช็คสภาพอยู่บ่อยๆ

หลายๆคนอาจจะเคยเจอกับเหตุการณ์ที่ต้องซ่อมรถราคาแพง หรือพยายามซ่อมรถเองแล้วแต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ซึ่งบางคนต้องเสียเงินไปกับการซ่อมรถยนต์ไปในราคาหลักหลายพันหรือหลายหมื่นบาทเลยทีเดียว โดยเฉพาะในยุคข้าวยากหมากแพงแบบนี้ คงไม่มีใครอยากจะให้รถตัวเองมีปัญหาใดๆในการใช้งาน ฉะนั้นวันนี้ มาดูข้อที่คุณควรรู้ในการดูแลรักษารถของคุณด้วยวิธีที่ถูกต้อง รวมถึงเทคนิคการเลือกอู่ซ่อมรถ เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัย และช่วยยืดอายุการใช้งานให้รถคุณด้วย

5 ข้อควรรู้ในการซ่อมบำรุง

1. ระบบยาง

      ตรวจเช็คให้มั่นใจว่ายางรถยนต์ของคุณมีขนาดที่เหมาะสม และมีแรงดันลมยางที่เหมาะสมตามมาตรฐานจากโรงงานผลิต ควรจะเปลี่ยนยางเมื่อยางสึกหรอถึงจนตำแหน่งที่มีสัญลักษณ์แสดงการสึกหรอ อุปกรณ์วัดแรงดันลมยางเป็นอีกอุปกรณ์หนึ่งที่ราคาไม่แพงและใช้งานได้ง่าย หมั่นตรวจเช็คลมยางของรถและตรวจดูรอยตำหนิหรือรอยชำรุดต่างๆของยางที่อาจก่อให้เกิดอันตรายในขณะขับขี่ได้ และให้เปลี่ยนทันทีที่ยางเสื่อมสภาพหรือเกิดความผิดปกติขึ้นเกินข้อจำกัดที่จะรับได้

2. น้ำมันเครื่อง และของเหลวต่างๆ

      น้ำมันเครื่องเปรียบเสมือนเลือดที่หล่อเลี้ยงสำหรับรถยนต์ ถ้าไม่มีน้ำมันเครื่องรถยนต์ก็ไม่สามารถใช้งานในส่วนอื่นๆได้อีก ของเหลวต่างๆที่ใช้อยู่ภายในรถยนต์ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน น้ำยาหล่อเย็น, น้ำมันเกียร์, น้ำมันเฟืองท้าย, น้ำมันเบรก หากไม่มีความรู้เรื่องนี้ควรเรียนรู้วิธีการตรวจสอบอย่างถูกวิธีจากช่างหรือผู้เชี่ยวชาญ และควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องอย่างน้อยทุก 5,000 กิโลเมตร  ควรตรวจสอบน้ำมันเครื่องและของเหลวต่างๆเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง

3. ระบบเบรค สายพาน และแบตเตอรี่

      ระบบเบรคของรถยนต์รุ่นใหม่ๆนั้นได้รับการออกแบบให้ต้องเปลี่ยนเป็นระยะ เพื่อให้สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพสูงสุดได้ตลอดเวลา ถ้าหากเกิดความผิดปกติใดขึ้นกับเบรคให้รีบนำรถเข้าตรวจเช็คทันที ถ้าหากระบบทำงานผิดพลาด หมายความว่าคุณกำลังตกอยู่ในความอันตรายอย่างยิ่งในขณะใช้รถ

      ตรวจเช็คแบตเตอรี่อย่างน้อยเดือนละครั้ง ปริมาณน้ำกลั่นในแบตให้มีปริมาณน้ำกลั่นไม่ต่ำกว่าแถบแสดงระดับต่ำ(สำหรับรุ่นที่ต้องเติมน้ำกลั่น) พยายามอย่าใช้ไฟในแบตเตอรี่จนหมด และทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแบตเตอรี่ ให้ระวังที่การใส่สายไฟที่ขั้วของแบตเตอรี่ ต้องใส่ให้ถูกขั้วทุกครั้ง ส่วนสายพานเมื่อยานเกินไปมักจะมีเสียงดัง ควรนำรถเข้าตรวจเช็คทันที่เมื่อได้ยินเสียงดังกล่าว

4. ระบบไฟ

      คุณควรตรวจเช็คระบบไฟส่องสว่างของรถคุณ โดยใช้สถานที่ที่คุณสามารถจอดรถและเห็นเงาสะท้อนของรถคุณได้อย่างชัดเจน  ระบบไฟส่องสว่างควรจะโฟกัสไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม ทิศทางของลำแสงที่ออกจากโคมไฟหน้าจะต้องพุ่งไปด้านหน้าและเป็นมุมที่โฟกัสตกลงบนพื้น ซึ่งหากทิศทางของลำแสงนั้นพุ่งสูงเกินไป ก็อาจจะไปแยงตาของผู้ที่ขับขี่สวนมาทำให้เกิดอันตรายได้ หรือถ้าหากทิศทางลำแสงนั้นต่ำเกินไป ก็จะเป็นการจำกัดระยะมองเห็นในการขับขี่ของคุณ ทำให้การใช้รถตอนกลางคืนเป็นไปได้อย่างยากลำบากและอันตราย

5. กระจก

      กระจกข้าง กระจกมองหลัง หรือโคมไฟของรถต้องสะอาดและไม่แตกหัก ถ้าหากมีการแตกหักหรือชำรุดให้รีบซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่ให้เร็วที่สุด อาจนำรถเข้าไปซ่อมแซมได้ตามศูนย์ซ่อมต่างๆ หรือต้องรีบเปลี่ยนทันทีหากจำเป็น เพราะฉะนั้นให้หมั่นตรวจเช็คกระจกรถของคุณเสมอ

มาดูกันว่า การเลือกอู่ซ่อมรถยนต์ ต้องดูที่อะไรบ้าง ?

1.เลือกอู่ซ่อมรถยนต์ที่มีมาตรฐานและปลอดภัย อย่างน้อยจะช่วยทำให้เรารู้สึกสบายใจระหว่างนำรถยนต์ส่งซ่อม แนะนำให้เลือกหาอู่ซ่อมรถใกล้ที่สุดแล้วสอบถามจากคนที่คุ้นเคยระแวกใกล้เคียง หรือสอบถามคนที่เคยนำรถเข้าอู่ซ่อมรถมาก่อน ก็จะเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจของคุณได้

2. .เลือกอู่ซ่อมรถยนต์ที่มีประสบการณ์เชี่ยวชาญ ให้เราเลือกอู่ซ่อมรถยนต์ที่มีประสบการณ์ทำงานมานาน หรือผู้เชี่ยวชาญแบบเฉพาะทาง อย่างเช่น เจ้าหน้าที่บริการซ่อมเครื่องยนต์ บริการเปลี่ยนอะไหล่ บริการเคลือบสีรถ ขัดไฟ หรือบริการซ่อมบำรุงทุกประเภท ซึ่งความเป็นมืออาชีพเหล่านี้จะช่วยทำให้เรารู้สึกหายห่วงทุกครั้งที่เข้ารับบริการมากขึ้น

3.เลือกอู่ซ่อมรถยนต์ที่มีการรับประกันหลังงานซ่อม อู่ซ่อมรถยนต์ที่ดีนั้นจะต้องมีบริการซ่อมรถที่ดี และน่าเชื่อถือด้วย เช่น การดูแลลูกค้าระหว่างการซ่อมรถยนต์ การบริการหลังการขาย การรับประกันหลังจากซ่อมรถเสร็จ และอู่ซ่อมรถที่ดีจะต้องคอยติดต่อลูกค้า พร้อมกับรายการความคืบหน้าในการส่งซ่อมรถเป็นอย่างดี รวมถึงบริการที่สะดวก รวดเร็ว และคุณภาพที่พึงพอใจเช่นกัน

4.เลือกอู่ที่มีตัวเลือกบริการซ่อมรถที่ครอบคลุม อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือ เรื่องของการให้บริการด้านการซ่อมรถยนต์ที่ครอบคลุมจากอู่รถ เพราะโดยทั่วไปแล้วอู่รถที่พร้อมให้บริการช่วยซ่อมรถอย่างครอบคลุมนั้น หมายถึงว่าอู่นั้น ๆ มีช่างผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมไปด้วยประสบการณ์ ที่พร้อมจะตอบโจทย์ความต้องการในการซ่อมรถให้ลูกค้า

ทีนี้เห็นถึงความสำคัญของการดูแลรักษารถยนต์อย่างถูกต้องรึยังครับ จริงๆแล้วนอกจากที่คุณจะต้องมีการวางแผนซ่อมบำรุง หมั่นตรวจสอบรถยนต์ และเช็ครถของคุณอย่างสม่ำเสมอแล้ว เจ้าของรถยนต์นั้นควรมีความรู้พื้นฐานในเรื่องของการซ่อมรถยนต์ติดตัว ในส่วนนี้คุณสามารถปรึกษาหรือสอบถามจากช่างหรือผู้เชี่ยวชาญได้ เพราะเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันจะได้รับมือกับปัญหาเฉพาะหน้าได้ครับ

 ถ้าหากใครที่กำลังวางแผนการซ่อมบำรุง ตรวจสอบสภาพรถ หรือกำลังมองหาอู่ซ่อมรถยนต์ของคุณอยู่ทาง เยลโล่เซอร์วิส ของเรา ซึ่งเป็นศูนย์บริการครบวงจรมาตรฐาน iso พร้อมให้บริการกับลูกค้าทุกท่าน เราดูแลรถของท่านเหมือนรถตัวเราเอง รับประกันสินค้า งานซ่อม งานสวย งานจบ หมดทุกปัญหาเรื่องรถในที่เดียว

เราให้บริการซ่อมรถยนต์ทุกอาการทุกยี่ห้อ เราพร้อมให้บริการด้วยช่างชำนาญการ กับมาตรฐานการบริการที่ครองใจผู้ใช้รถมากว่า 20 ปี ซึ่งลูกค้าทุกท่านสามารถติดต่อสอบถามเข้ามาได้ที่ช่องทางการติดต่อด้านล่าง หรือสามารถเข้ามาใช้บริการได้ที่สาขาต่างๆที่ท่านสะดวกได้เลยครับ

Visitors: 66,422